welcome to my blog

หลากหลายเรื่องราว สาระความรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความบันเทิง

วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2550

มูลนิธิ "บ้านเฟื่องฟ้า"

20 ตุลาคม 2550



วันนี้เป็นวันที่เรานักศึกษา KM รุ่น 1 ได้นัดกันนำเงินรายได้จากโครงการ KM For Fun…D ที่จัดในวันที่ 27-28 กันยายน 2550 และจากผู้ร่วมบริจาคส่วนหนึ่งมาทำบุญที่มูลนิธิ “บ้านเฟื่องฟ้า” ปากเกร็ด ที่ให้การช่วยเหลือเด็กพิการซ้ำซ้อนที่มีความพิการทางสมองและปัญญา โดยเราแบ่งรายได้ที่จะนำมาทำบุญออกเป็น 2 ส่วน คือ นำไปซื้อของบริจาค เช่น ผ้าอ้อม ผ้ากันเปื้อน แป้ง และขนม เป็นต้น อีกส่วนหนึ่งเราบริจาคเป็นเงินสด พอเราไปถึงเจ้าหน้าที่ที่นั่นให้การต้อนรับดีมาก เจ้าหน้าที่นำเราเข้าชมสถานที่และตึกที่พักของเด็กๆ เจ้าหน้าที่บอกว่าห้ามถ่ายรูปเด็กๆที่อยู่บนตึกไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลอะไร (อิอิ ไม่กล้าถามค่ะ) เด็กพิการที่นี่มีทั้งพอช่วยเหลือตัวเองได้และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ที่สังเหตุเห็นคือ เด็กที่นี่น่าตาดีกันทุกคนถ้าเค้าเกิดมาไม่โชคร้ายอย่างนี้ก็คงดีเลยที่เดียว เจ้าหน้าที่บอกเราว่าที่นี่จะให้การช่วยเหลือเด็กๆจนมีอายุ 7 ปี จากนั้นจะส่งต่อให้สถานสงเคราะห์อีกที่หนึ่งรับช่วงต่อไป ที่นี่จะมีเด็กพิการโดยประมาณ 500 คน เป็นเด็กที่มีจากทั้งปัญหาครอบครัว พ่อแม่แยกทางกันบ้าง มีฐานะยากจนบ้าง แต่เด็กที่มีอยู่ที่นี่ที่ต้องได้รับอนุญาตจากอำเภอก่อน เพื่อป้องกันการไม่ดูแลเอาใจใส่เด็ก เพราะถ้าเป็นไปได้เจ้าหน้าที่บอกว่าอยากให้เด็กๆอยู่กับครอบครัวมากกว่า ถึงแม้ว่าที่นี่จะดูแลดี แต่สภาพทางจิตใจของเด็กก็ไม่ดีเท่าที่อยู่กับพ่อแม่


ทั้งนี้ ถ้าใครว่างๆอยากจะทำบุญก็ไปทำบุญได้นะค่ะ เพื่อเป็นการให้โอกาสกับเด็กๆที่เค้าไม่เพียงแต่ขาดโอกาสแต่เค้ายังมีความพิการที่ซ้ำซ้อนมากๆ สนใจไปติดต่อได้ที่
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญา " บ้านเฟื่องฟ้า "สถานที่ตั้ง เลขที่ 78/9 หมู่ 1 ซอยติวานนท์ 1 ถนนติวานนท์ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 หรือส่งมาที่ ตู้ ปณ.78 ปณ.ปากเกร็ด นนทบุรี 11120โทรศัพท์ 02-583-6815 , 02-583-4000 , 02-582-4031 Fax : 02-583-4000E-Mail : mailto:webmaster@fungfah.com , mailto:pannee@fungfah.com , fuengfah@fuengfah.com

KM For Fun...D

27-28 กันยายน 2550 จัดโครงการ KM For Fun…D ณ ลานน้ำตกหน้าห้องทะเบียนและการเงินมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต

โครงการนี้เป็นโครงการที่จัดทำโดยนักศึกษา KM รุ่น 1,2 และรุ่น 3 คะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา เครื่องมือการจัดการความรู้สำหรับการจัดการความรู้ โดยมี ดร. อมรวรรณ ลิ้มสมมุติ เป็นผู้ดูแลประจำรายวิชาค่ะ โครงการนี้จัดขึ้นมาก็เพื่อบูรณาการความรู้ต่างๆในสาขา KM เพื่อจัดตั้งกองทุน KM ที่มีชื่อว่า KM Fun...D Learning และเพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจัดงานและเงินร่วมบริจาคไปช่วยเหลือเด็กพิการซ้ำซ้อนที่ปากเกร็ด

ในงานนี้มีกิจกรรมและสินค้าจำหน่ายมากมายทั้งของกินและของใช้ดังนี้
สินค้า
· ผลิตภัณฑ์จากผ้าฝ้าย (เสื้อ กางเกง กระเป๋า กระโปรง ฯลฯ)
· เสื้อผ้าแฟชั่น
· ตุ๊กตา เครื่องประดับ
· สบู่สมุนไพร ยาสมุนไพร
· ข้าวไข่เจียว
· น้ำผลไม้ปั่น ไอศกรีม

กิจกรรม/นิทรรศการ
· นิทรรศการเกี่ยวกับผ้าฝ้าย
· นิทรรศการเกี่ยวกับการลดภาวะโลกร้อน
· นิทรรศการเกี่ยวกับสุขภาพ
· เกมส์ตอบปัญหาง่าย
· เกมส์โยนกำไรลงขวด


จากโครงการนี้เราได้รับการตอบรับดีมาก ทั้งผู้ร่วมงาน ผู้ร่วมแสดงสินค้าและผู้ร่วมบริจาคเงิน พวกเรานักศึกษา KM ต้องขอขอบคุณทุกๆท่านที่มีส่วนร่วมให้งานในครั้งนี้ประสบความสำเร็จค่ะ งานนี้เป็นอีกงานหนึ่งที่ทำให้เรารู้ถึงศักยภาพ ความสามารถ และความมีน้ำใจของแต่ละคน งานนี้ทำให้เรานักศึกษา KM รุ่น 1 รักกันมากขึ้นอีก (แต่ก็รักกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนะค่ะ) งานนี้ต้องขอบอกว่า...ถึงจะเหนื่อยแต่ก็สนุกและได้บุญด้วยค่ะ

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ช่วยเหลือคนตาบอด

พฤหัสบดีที่ 13 กันยายน 2550

วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งค่ะที่เราได้ทำประโยชน์เพื่อสังคม โดยการจัดทำสื่อเพื่อคนตาบอด นำทีมโดยนักศึกษา KM รุ่น 1 จำนวน 3 คน คือ ดิฉัน น.ส.สายใจ อยู่แท้กูล น.ส.อรพิชญา ชินศูนย์ และ น.ส.ทัศนาวรรณ ชมภู่ พวกเราทั้ง 3 คนได้เห็นถึงความสำคัญของคนตาบอด ที่เค้ามีความบกพร่องทางสายตาทำให้มีโอกาสไม่เท่ากับคนที่ปกติ ดังนั้นในฐานะที่เรามีโอกาสมากกว่า เราจึงควรที่จะหยิบยืนโอกาสให้เค้าบ้าง ดังนั้นเราจึงได้ชักชาวพี่ๆ เพื่อน ๆและน้องๆ มาร่วมอ่านหนังสือเพื่ออัดเสียงและทำเป็นสื่อเพื่อให้คนตาบอดได้ฟัง นอกจากสื่อแล้วเราก็ได้ขอบริจาคเงินจากอาจารย์และเพื่อนร่วมงานเพื่อนำไปบริจาคด้วย งานนี้เราได้รับความร่วมมือและความช่วยเหลือ จากทุกคนอย่างดี หลังจากที่เรารวบรวมของบริจาคได้แล้วเราก็นำไปมอบให้กับสมาคมคนตาบอดที่อยู่แถวดินแดง สมาคมนี้เปรียบเสมือนคลังความรู้สำหรับคนตาบอดเลยทีเดียว บางคนก็มาขอยืมไปฟัง ส่วนหนึ่งทางสมาคมก็ส่งให้ศูนย์คนตาบอดในที่ต่างๆ ด้วยค่ะ ในระหว่างทางที่ไปนั้นเราได้นั่งแท็กซี่ใจบุญคนหนึ่ง รู้ไหมว่าว่าลุงใจบุญอย่างไง เมื่อลุงรู้ว่าเราจะไปทำบุญให้กับคนตาบอด ลุงก็ร่วมทำบุญกับเราด้วยโดยการไม่เก็บค่าแท็กซี่ ส่งฟรี เห็นไหมคะน้ำใจคนไทยขนาดไม่รู้จักกันยังช่วยเหลือกันเลย เมื่อเราเห็นอย่างนี้แล้วเรายิ่งมีความสุข ความสบายใจที่ได้ทำบุญ ที่ทำอะไรเพื่อคนอื่น สุขเมื่อเห็นคนอื่นมีความสุข เป็นสุขที่ยิ่งใหญ่จริงๆเลยนะค่ะ ทั้งนี้พวกเราก็ขอขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะที่ร่วมทำบุญกับพวกเรา ไว้โอกาสหน้าเราจะมาบอกบุญอีกนะคะ

วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ดูงาน NOK

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน 2550


วันนี้เป็นวันที่นักศึกษา KM รุ่น 1 ต้องไปศึกษาดูงาน ณ บริษัท NOK ที่อยุธยา แต่ก่อนที่เราจะไปดูงานที่ NOK ช่วงเช้าเราก็ได้ไปชมความงดงามของพระราชวังบางประอิน เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สวยงามและน่าศึกษา กว้างขวาง ขนาดพวกเรายังชมไม่ทั่วถึงเลย

หลังจากนั้นเวลา 13.30 น. เราไปศึกษาดูงานที่ NOK เรื่องของการจัดการความรู้ของ NOK บริษัท NOK เป็นบริษัทที่ผลิตส่วนประกอบฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และสิ้นส่วนอิเลกทรอนิกยานยนต์ ซึ่งเมื่อได้ฟังแล้วเรารู้สึกว่ามันมองเห็นการจัดการความรู้ของ NOK ได้อย่างเป็นรูปธรรม เข้าใจง่าย และน่าสนใจมาก

ทาง NOK จะเน้นให้ความสำคัญกับคน พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ในการคิด ประดิษฐ์ จนได้นวัตกรรมใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย เห็นได้จากการให้พนักงานทุกคนเขียนสิ่งที่ต้องการให้มีในที่ทำงาน สิ่งที่ช่วยพัฒนางานให้ดีขึ้นทุกปีจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรก็ได้ จากนั้นจะมีคณะกรรมการพิจารณาให้คะแนนอยู่ที่ระดับ 1-5 งานใครได้ระดับคะแนน 5 คะแนน หมายถึง งานชิ้นนั้นสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงและเกิดประโยชน์ งานทุกชิ้นจะถูกเก็บคะแนนสะสมไปเรื่อยๆ


นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกมากมายที่ทำให้พนักงานรู้สึกว่า NOK เป็นบ้านหลังที่ 2 ดังนี้
จากการไปดูงานครั้งนี้ สิ่งที่จะนำมาประยุกต์ใช้ในคณะวิทยาการจัดการ คือ การให้พนักงานนำเสนองานหรือแนวคิดที่ต้องการให้มีในสำนักงาน วิธีการดำเนินงานและประโยชน์ที่จะได้รับ และอื่นๆ เพราะเชื่อว่าทุกคนมีแนวคิดดีๆมากมายในการทำงานให้ประสบผลสำเร็จในฐานะที่เป็นผู้ปฏิบัติ ซึ่งอาจเป็นอีกมุมหนึ่งที่ผู้บริหารมองไม่เห็น

วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2550

งานวิจัย (ภาษาไทย)

กระบวนการจัดการความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สารเคมีของเกษตรกร : กรณี ศึกษา โรงเรียนเกษตรกรในพระราชดำริ บ้านหลั่น หมู่ที่ 4 ต.ท่าฉนวน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท
วรรณี ทองระย้า
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , 2549


เหตุผลที่เลือกงานวิจัยเรื่องนี้
งานวิจัยเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ใช้กระบวนการจัดการความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งคิดว่าเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมของคนนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก
วัตถุประสงค์การวิจัย
ศึกษากระบวนการจัดการความรู้ที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สารเคมีในการเพาะปลูกของเกษตรกร
แนวคิด ทฤษฎีการวิจัย
· แนวคิดการจัดการความรู้และกระบวนการจัดการความรู้
· แนวคิดเกษตรยั่งยืน
· แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
· แนวคิดการส่งเสริมการเกษตรในรูปแบบการทำงานของโรงเรียนเกษตรกร
กรอบแนวความคิด



เครื่องมือและค่าสถิติ
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพมุ่งเน้นการพรรณนาความ ใช้การสัมภาษณ์ (Guide-line Interview) แบบเจาะลึก (In-depth Interview) และตั้งประเด็นในการสนทนากลุ่ม (Focus Group) เพื่ออธิบายและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกิดขึ้นตามกรอบแนวความคิดการศึกษา โดยใช้ค่าสถิติอย่างง่าย คือการคิดค่าร้อยละ
ผลการวิจัย
ผลการวิจัย พบว่า เกษตรกรมีการเรียนรู้ที่เริ่มจากปัญหาการใช้ปัจจัยการผลิตที่มากเกินความจำเป็นก่อให้เกิดผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต สุขภาพอนามัย และสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม จนได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐจัดตั้งโรงเรียนเกษตรกรในพระราชดำริ เพื่อเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน โดยจำแนกกลุ่มเกษตรกรออกเป็น 3 กลุ่มแบ่งตามลักษณะพฤติกรรม คือ กลุ่มก้าวหน้ามีจำนวน 4 เรือน กลุ่มเรียนรู้มีจำนวน 9 ครัวเรือน และกลุ่มเริ่มต้นจำนวน 20 ครัวเรือน
นอกจากนี้พบว่า กลุ่มก้าวหน้ามีพฤติกรรมในการ ปรับตัวให้เข้ากับบริบทของสังคมด้วยการทำการเกษตรแบบ 2 วิถี คือ ผลิตเพื่อการค้าและผลิตตามแนวทางของเกษตรกรรมยั่งยืน เกษตรกรทั้ง 3 กลุ่มยอมรับในแนวคิด ดังนั้น หากได้รับการกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ สอดคล้องกับความต้องการและบริบทของสังคม เกษตรกรกลุ่มเรียนรู้และกลุ่มเริ่มต้นจะมีโอกาสขยายผลสู่กลุ่มก้าวหน้า
ถาม-ตอบ
หากท่านต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สารเคมีของเกษตรกรท่านจะใช้วิธีการใด ?

งานวิจัย (ภาษาอังกฤษ)

Stimulating situated learning with in Projects :
Personalizing the flow of Knowledge
Andrew J. Sense
School of Management and Marketing,
University of Wollongong, Australia. 2007

Reason to select this research paper
การที่เลือกวิจัยเรื่องนี้มานำเสนอเพราะอยากรู้ว่าอะไรบ้างที่มีผลต่อการจัดการความรู้ของคนในองค์กร
Objective of the research
· เพื่อศึกษาว่าการจัดการความรู้ (KM) มีส่วนเกี่ยวข้องและมีอิทธิพลอย่างไรต่อกิจกรรมการเรียนรู้
· เพื่อศึกษาการนำการจัดการความรู้ (KM) ไปปฏิบัติในโครงการมีส่วนช่วยส่งเสริมการเรียนรู้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการอย่างไร
Theory
1. KM Process ที่เน้นการจัดหมวดหมู่ความรู้(Codification)
2. Personalization พฤติกรรมของบุคคล
3. Situated learning in projects การเรียนรู้จากประสบการณ์การทำงานจริง
Research Methodology and Statistic
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพและการมีส่วนร่วม ใช้การสัมภาษณ์ในเชิงลึก เก็บข้อมูลโดยการแบ่งทีมการเก็บข้อมูลออกเป็น 3 ทีม มีหัวหน้าทีม 1 คนและสมาชิกในทีมอีก 15 คนและใช้ค่าสถิติอย่างง่ายคือการหาค่าร้อยละ
Research result
· ผลการวิจัยพบว่าคุณลักษณะส่วนบุคคลนั้นมีผลต่อการจัดการความรู้ในด้านการไหล(Flow) , Quantum และคุณภาพของ Situated Learning Activity ระหว่างผู้ร่วมงาน
· Social Complexity มีผลกระทบต่อการจัดการความรู้ และการจัดการความรู้ในตัวมันเองมีผลกระทบต่อสมาชิกในกลุ่ม โดยที่แนวความคิดด้าน Personalization มีผลต่ออัตราการ Flow ของการจัดการความรู้
· Codification มีส่วนชวยและเกี่ยวข้องทางด้านการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูลและสารสนเทศต่างๆไม่ว่าจะเป็นรายงานการประชุม การสาง E-mail
Answer and Question
หากมองในองค์กรของท่าน ท่านคิดว่า มีปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อการจัดการความรู้

คำว่า...เพื่อน

>>>> อาหาร
เพื่อน: ข้าวราดแกง / ก๋วยเตี๋ยว ราคาไม่เกิน 30 -> แดกไรแพงๆวะ เปลืองชิบ
แฟน: แดกห่าอะไรก็ได้ที่มันไม่ใช่ข้าว -> สปาเกตตี้ เฟรนฟรายซ์ ซูชิ ชิสุ สั่งกันไป… มื้อละร้อยขึ้น
>>>>สถานที่
เพื่อน: สนามกีฬา สว่าง กว้าง สนุก
แฟน: โรงหนัง มืด แคบ นุ่ม...!?
>>>> ข้ามถนน
แฟน: ข้ามได้มั้ย ระวังนะครับ! จับมือผมไว้
เพื่อน: ………อ้าว! เหี้ย… รอกูด้วย (แม่งข้ามไปนานละ)
>>>> ที่บ้าน
เพื่อน: มาเพื่อ ดื่ม เมา นินทาเพื่อน ด่าชาวบ้าน เฮฮาปาจิงโกะ
แฟน: มาเพื่อ ……………… สุดยอดเลยที่ร๊ากกกกกกกกก
>>>> เวลาเดิน
แฟน: แนบชิด ประหนึ่งตัวดูดแบบสุญญากาศ
เพื่อน: เฮ้ย! ไปไกลๆกูหน่อยดิ ร้อนจะตายห่า!!
>>>> บนรถเมล์
แฟน: นั่งก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมยืนเอง
เพื่อน: เหยิบหน่อยดิวะ กูจะนั่งด้วย
>>>> บนรถเมล์(2)
แฟน: 2 คนครับ (ยื่นเงินให้กระเป๋าฯ)
เพื่อน: เฮ้ย มึงมีป่าววะ ออกไปก่อนดิ กูมีแบงค์พัน
>>>> เงิน
แฟน: มีเสมอ..จ่ายไม่อั้น
เพื่อน: ไม่มีเสมอ... มึงออกไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูให้(แร้วแม่งก็ชิ่ง)
>>>> มาสาย
แฟน: ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้
เพื่อน: ทำห่าไรอยู่วะ มาโคตรช้าเลย สาด ...เลี้ยงข้าวกูเลย(เพิ่งจะมาก่อนแม่งได้ 5 นาทีเหมือนกัน)
>>>> ช่วยทำธุระ
แฟน: ว่างเสมอ -> อ๋อ ว่างครับ จะให้ไปถึงที่นั่นกี่โมงดี จะได้เตรียมตัวล่วงหน้า
เพื่อน: ไม่เคยว่าง -> ขนของย้ายห้องเหรอวะ ... เออ...ที่จริงก็ได้นะ แต่พอดีแม่กูให้ช่วยพาไปหาญาติๆฝ่ายแม่ว่ะ แล้วบ่ายๆต้องไปหาของฝ่ายพ่ออีกคงไม่ว่างแล้วละ
>>>> กลับบ้านดึก
แฟน: เดี๋ยวผมนั่งรถไปส่งดีกว่านะ กลับคนเดียวอันตราย
เพื่อน: กลับยังไงวะมึง มีค่ารถป่าว แต่กูไม่มีให้ยืมนะเว้ย
>>>> ป่วย
แฟน: เป็นไรมากมั้ย? กินยายังคับ ห่มผ้าด้วยนะ(แม่งดูแลแม่อย่างนี้ป่าววะ)
เพื่อน: เป็นห่าไรอีกวะ สำออยอะดิมึง… ออกมาให้ไวเลย แดกเหล้ากัน
>>>> เวลาอยู่ด้วยกัน
เพื่อน: เยี่ยว ขี้ ขากเสลด ซื้ดขี้มูก ตด -> ห่านี่ อุบาทชิบหาย
แฟน: แต่งตัว โบ๊ะหน้า เสริมจมูก ดันนม ดึงเกงใน เช็คขนจ้ากแร้ ->ตามบายๆ
>>>> สอนหนังสือ
แฟน: ไม่เข้าใจตรงไหนบอกนะครับ จะอธิบายให้ใหม่
เพื่อน: กูสอนมึง 3 รอบแล้วนะ ห่านี่ แดกหญ้าแทนข้าวไงวะ
>>>> วาเลนไทน์
แฟน: ผมให้คุณได้ทุกอย่าง ยกเว้น ดาว เดือน และ ขนหน้าอก
เพื่อน: ……………(วันนี้มันไม่มีตัวตน)
>>>> โดนทิ้ง
แฟน: เราไปกันไม่ได้ / อย่ามายุ่งกับเรา / ไปไหนก็ไป รำคาญ
เพื่อน: ไม่เป็นไรเว้ย! ช่างแม่ง … มึงยังมีกูอยู่ นะเฟร้ย!!
>>>>แล้ว.... สุดท้าย คงจะรู้ ว่าใครที่จะอยู่เคียงข้างเราจนวันสุดท้าย